คลังบทความของบล็อก

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

คนสู้โรค

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของใบบัวบก

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของใบบัวบก
 วันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ขอนำ สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก มาบอกเล่าสู่กันฟังค่ะ เมื่อพูดถึงใบบัวบกแล้วทุกคนมักจะนึกถึงคนอกหักใช่ไหมล่ะค่ะ เพราะเป็นที่พูดขบขันถึงการแก้ช้ำในเพราะความรัก แต่ สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก ในทางระบบร่างกายนั้นสามารถนำมาใช้รักษาอาการช้ำใน ร้อนใน แก้กระหายน้ำได้จริงๆ แต่ทว่า สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก นั้นมีมากกว่านี้อีกนะค่ะ และวันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ก็นำเรื่อง สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก มาบอกเล่าเพิ่มเติมให้ได้รู้กันอีกด้วยค่ะ ฉะนั้นไม่รอช้ามาดู สรรพคุณของใบบัวบก และ ประโยชน์ของใบบัวบก ไปพร้อมกับเอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) กันเลยนะค่ะ

ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของบัวบกที่น้อยคนนักจะรู้จักนั่นคือ สรรพคุณในการบำรุงสมองไม่แพ้แปะก๊วยอันเป็นที่นิยมในกระแสโลก และมีการรณรงค์ให้ปลูกแปะก๊วยกันอย่างแพร่หลายซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่รวมทั้งหมอ ยาในทุกภาคของไทยได้สืบทอดความรู้เรื่องบัวบกจากรุ่นสู่รุ่นและนำมาใช้ในการบำรุงร่างกาย บำรุงประสาท บำรุงความจำ บำรุงสายตา บำรุงผม บำรุงเอ็น เป็นยาอายุวัฒนะ ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยทั้งเด็ก ผู้ใหญ่และคนชรา นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้กันดีอีกว่า ชนิดของบัวบกที่มีสรรพคุณที่ดีที่สุดคือ ผักหนอกขม ซึ่งขึ้นตามธรรมชาติพบเห็นโดยทั่วไป


สรรพคุณ / ประโยชน์ของใบบัวบก
 ในตำราไทยกล่าวว่า บัวบกมีรสเฝื่อน ขม เย็น เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ท้องเสียหรือบิด แก้ลม แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า เป็นยาบำรุงกำลัง ยาอายุวัฒนะ นอกจากนี้ยังมีผู้รจนาสรรพคุณของบัวบกว่า "กิน 1 เดือน โรคร้ายหายสิ้นมีปัญญา กิน 2 เดือน บริบูรณ์น่ารักมีเสน่ห์ กิน 3 เดือน ริดสีดวงสิบจำพวกหายสิ้น กิน 4 เดือน ลมสิบจำพวกหายสิ้น กิน 5 เดือน โรคร้ายในกายทุเลา กิน 6 เดือน ไม่รู้จักเมื่อยขบ กิน 7 เดือน ผิวกายจะสวยงาม กิน 8 เดือน ร่างกายสมบูรณ์เสียงเพราะ.."

 จากงานศึกษาวิจัยพบว่า บัวบกมีฤทธิ์เช่นเดียวกับแปะก๊วยในการบำรุงสมอง กล่าวคือ เพิ่มความสามารถความจำและการเรียนรู้ มีการจดสิทธิบัตรสารสกัดในบัวบกด้านคุณสมบัติช่วยเพิ่มความสามารถในการจำ นอกจากนี้ยังมีการทดลองในสัตว์ด้วย ซึ่งพบว่า บัวบกทำให้ลูกหนูมีความจำและความสามารถในการเรียนรู้ดีขึ้น ทำให้เซลล์สมองของหนูแรกเกิดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความฉลาด ส่วน hippocampal CA3 และแขนงนำสัญญาณประสาทของสมองส่วนที่เรียกว่า อมิกดาลา (amygdala) ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมเหตุผลและอารมณ์ มีการพัฒนาการที่ดีกว่าหนูในกลุ่มควบคุม ทำให้ปฏิภาณไหวพริบในการหลบหลีกสิ่งกีดขวางของหนูดีขึ้น ตลอดจนยังเพิ่มสมาธิและความสามารถในการตัดสินใจเฉพาะหน้าในหนูได้อีกด้วย

 ส่วนการศึกษาในมนุษย์พบว่า เด็กปัญญาอ่อนที่กินบัวบกวันละ 500 มิลลิกรัมติดต่อกันสามเดือนมีความสามารถเรียนรู้ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุม ส่วนการศึกษาในระดับเซลล์ถึงกลไกการออกฤทธิ์บำรุงสมองพบว่า บัวบกทำให้การหายใจในระดับเซลล์ของสมองดีขึ้น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเสื่อมของเซลล์สมอง คงสภาพปริมาณของสารสื่อประสาท acetylcholine ซึ่งจำเป็นต่อการทำงานของสมอง เสริมฤทธิ์การทำงานของสาร GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาททำหน้าที่รักษาสมดุลของจิตใจทำให้ผ่อนคลายและหลับได้ง่าย นอกจากนี้บัวบกยังทำให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงและสามารถนำเลือดไปเลี้ยงในอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้น เป็นต้น

 จากผลการศึกษาวิจัยดังกล่าว ทำให้บัวบกมีแนวโน้มจะใช้เป็นอาหารเพิ่มไอคิว เพิ่มความฉลาด เพิ่มความสามารถในการจำและการเรียนรู้ในเด็ก โดยเฉพาะในเด็กปัญญาอ่อนรวมไปถึงการใช้ในเด็กสมาธิสั้น เนื่องจากบัวบกทำให้สารในสมองมีความสมดุล คือ มีความสงบผ่อนคลาย และการเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองทำให้เกิดความสามารถในเรียนรู้ได้ดีขึ้น ส่วนในคนทั่วไปบัวบกจะช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในวัยชราหรืออัลไซเมอร์รวมทั้งช่วยคลายเครียด ทำให้มีสมาธิในการทำงานอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลสมุนไพรไทยจาก ไทยโพสต์ ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต
แหล่งที่มา http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/ประโยชน์ของใบบัวบก

ประโยชน์ของชาสมุนไพร

ชาเเป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะชาสมุนไพร เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็เลยได้นำเอาสรรพคุณของชาสมุนไพรและประโยชน์ของชาสมุนไพรมาบอกให้ได้รู้กันเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ แค่ได้ยินว่าสมุนไพรหลายๆ คนก็คงจะนึกถึงสาระพัดประโยชน์ดีๆ ต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วนจากที่เคยได้ยินมาและยิ่งนำมารวมกับชาที่หลายๆ คนก็รู้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์พอสมควรแล้วหล่ะก็ สรรพคุณของชาสมุนไพรและประโยชน์ของชาสมุนไพรจึงมีมากมายจนเชื่อว่าหลายๆ คนนึกไม่ถึงเลยทีเดียวเชียว เพราะอย่างนั้นไงค่ะเราถึงได้หยิบยกเอาเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายๆ คนควรรู้เกี่ยวกับ สรรพคุณของชาสมุนไพรและประโยชน์ของชาสมุนไพรมาบอกให้ได้รู้กันค่ะ โดยเฉพาะใครที่เป็นคนรักและใส่ใจในสุขภาพด้วยแล้วเกร็ดเรื่องดีๆ เกี่ยวกับสรรพคุณของชาสมุนไพรและประโยชน์ของชาสมุนไพรคงเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ารู้ดีๆ ที่คุณผู้รักสุขภาพไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ถ้าอย่างนั้นเราก็เข้าไปดูสรรพคุณของชาสมุนไพรและประโยชน์ของชาสมุนไพรกันเลยดีกว่าค่ะ

สรรพคุณ / ประโยชน์ของชาสมุนไพร

- ชาเปปเปอร์มินต์
 เพียงแค่กลิ่นหอมๆ เย็นชื่นใจของชามินต์ก็ช่วยลดความเครียดจากการทำงานได้แล้ว ขณะเดียวกันมันช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ทำให้นอนหลับง่าย แถมยังทำให้ระบบขับถ่ายทำงานอย่างปกติ เนื่องจากมินต์มีส่วนช่วยให้ไขมันในระบบย่อยอาหารสลายตัว ป้องกันไม่ให้เกิดแก๊สในทางเดินอาหาร และด้วยความที่มันดีต่อกระเพาะของเรา มันจึงเหมาะสำหรับคนที่เมารถเมาเรือ นอกจากนี้มันมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียอ่อนๆ จึงช่วยระงับกลิ่นปากได้เป็นอย่างดีอีกด้วย



- ชาตะไคร้
 เราใช้ตะไคร้ในการทำกับข้าวมานานแล้วและชาตะไคร้นั้นก็เป็นหนึ่งในตำรับโบราณที่ใช้รักษาอาการแน่นหน้าอก ไอ หรือหวัด หากเหยาะพริกไทยลงไปสักนิดอาจช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนและคลื่นเหียน แถมเคยมีการศึกษาชี้ว่าการดื่มชาตะไคร้ทุกวันจะช่วยรักษาผิวหนังให้ปราศจากสิวด้วย แต่มีข้อควรระวังคือ ห้ามดื่มในระหว่างตั้งครรภ์เด็ดขาดและไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน



- ชาโสม
 ไม่ว่าจะเป็นโสมเอเชียหรือโสมอเมริกาต่างก็มีสารอาหารมากมาย ได้แก่ ฟลาโวนอยด์ และวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งทาง University of Maryland Medical Center ชี้ว่าโสมเป็นสมุนไพรที่เชื่อกันว่า จะช่วยให้เราสู้กับความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทสอง เพิ่มเซลล์ภูมิคุ้มกันลดคอเลสเตอรอลเลว (LDL) และสาร Ginsenosides ซึ่งพบในโสมนั้นยังมีคุณสมบัติ ช่วยชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็งด้วย




- ชาผลกุหลาบ
 หลายคนอาจจะรู้จักผลกุหลาบในชื่อของโรสฮิปซึ่งมักจะใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย แต่ชาผลกุหลาบก็มีสรรพคุณดีๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีซึ่งสำคัญต่อการสมานแผล เสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรงและเซลล์ภูมิคุ้มกัน ด้วยเหตุเดียวกันนี้มันจึงช่วยลดอาการข้ออักเสบด้วย ท้ายสุดนี้การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Planta Medica ในปี 1992 ยังชี้ว่าชาผลกุหลาบอาจช่วยป้องกันนิ่วในไตได้ แม้ว่าจะไม่ได้มีฤทธิ์ขับปัสสาวะก็ตาม



- ชาใบหม่อน
 มีอีกชื่อเก๋ๆ ว่า ชามัลเบอร์รี่ ชาใบหม่อนก็เป็นที่รู้จักกว้างขวางในฐานะเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพจากญี่ปุ่นที่อาจจะช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ เนื่องจากเชื่อกันว่ามันสามารถลดการดูดซึมน้ำตาลโดยใบหม่อนนั้นมีทั้งแมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และแคลเซียม จึงช่วยบำรุงร่างกายเราได้ในแง่ของกระดูก ผมเล็บ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นกุญแจสำคัญให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นอีกด้วย



Tip
 อย่าเพิ่งทิ้งถุงชาให้นำถุงชาที่ใช้แล้วแช่น้ำและนำไปแช่แข็งแล้วนำมาประคบเวลาแมลงกัดต่อยหรือมีแผลเล็กๆ และยังช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าที่ดวงตาได้ดีนัก

ขอขอบคุณข้อมูลสมุนไพรไทยจาก lisa ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
แหล่งที่มา http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/ประโยชน์ของชาสมุนไพร

สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน

สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน "ตัวช่วยให้หายปวดท้อง"
 วันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) มีสมุนไพรแก้ปวดประจำเดือนมาฝากกันค่ะ ซึ่ง สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน นี้เป็นสมุนไพรใกล้ตัวสาวๆ อย่างที่เราไม่ควรพลาดเลยนะค่ะ อาการปวดท้องประจำเดือนคืออีกหนึ่งปัญหาที่สุดแสนจะทรมานสำหรับสาวๆ จำนวนมากเลยทีเดียวนะค่ะ ถ้าใครที่เคยมีอาการปวดท้องประจำเดือนจะรู้ทันทีเลยว่าอาการเหล่านี้มันทรมานขนาดไหน แล้วทุกๆ เดือนของสาวๆ อย่างเราๆ จะต้องมาทนทรมานกับการปวดท้องคงจะไม่ไหวแน่ๆ วันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ก็เลยนำเอา สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน มาแนะนำให้คุณสาวๆ ได้รู้กันค่ะ สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน เป็นสมุนไพรที่ไม่เป็นอันตรายและแถมยังไม่แพงมากมายและหาซึ่งได้ง่ายๆ เพราะ สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน นั้นมีใกล้ตัวเราอีกด้วยนะค่ะ รับรองว่า สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน นี้จะช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนของคุณสาวๆ ได้เป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ ถ้าอย่างนั้นอย่าร้อช้ารีบๆ ไปรู้จัก สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน ไปพร้อมๆ กับเอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) กันเลยดีกว่านะค่ะ




3 สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน

1. ตังกุย
 มีผลช่วยในการดูแลสุขภาพของมดลูกผู้หญิงเราโดยตรงทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 และมีกรดโฟลิกสูงซึ่งช่วยบำรุงเลือดได้อย่างดี ถ้าหากทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวดท้อง ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนของผู้หญิงได้อีกด้วย


2. ใบตำลึง
 มีแมกนีเซียมและธาตุเหล็กที่ช่วยไม่ปวดเกร็งกล้ามเนื้อหรือลดอาการตะคริว จึงมีส่วนช่วยในการลดอาการปวดเกร็งช่วงท้องได้ด้วย นอกจากนี้แมกนีเซียมยังพบได้อีกในเนื้อสัตว์ และตับหมู


3. น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
 ในน้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสจะมีกรดไขมันที่ชื่อว่า กรดแกมม่า ไลโนเลนิก ซึ่งมีคุณสมบัติลดหรือต้านการอักเสบ ช่วยรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิง แถมยังช่วยลดอาการปวดเกร็งท้อง ลดการปวดหน้าอก และอาการตัวบวมช่วงก่อนหรือช่วงมีประจำเดือนได้


ขอขอบคุณข้อมูลสมุนไพรไทยจาก womansstory ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
แหล่งที่มา http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/สมุนไพรแก้ปวดประจำเดือน

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ
 วันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ขอแนะนำ สรรพคุณของกระเจี๊ยบมอญ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ สมุนไพรไทยพื้นบ้านของเราซึ่งต้องยอมรับเลยว่ามีเยอะแยะมากมาย และที่สำคัญก็มีประโยชน์ใช้รักษาโรคได้สารพัด และวันนี้เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ก็นำเอาอีกหนึ่งความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไทยพื้นบ้านมาฝากกันกับ สรรพคุณของกระเจี๊ยบมอญ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ มาฝากกันค่ะ หลายๆ คนอาจจะรู้จักกระเจี๊ยบมอญในนามของพืชผักสีเขียวทีนำมากินแกล้มกับน้ำพริก แต่จะบอกว่ากระเจี๊ยบมอญไม่ได้มีประโยชน์ในนามของผักสีเขียวเท่านั้น เชื่อว่าคงมีอีกหลายๆ คนที่อยากจะรู้แล้วว่า สรรพคุณของกระเจี๊ยบมอญ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ นี้มีอะไรบ้าง และมี สรรพคุณของกระเจี๊ยบมอญ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ จะมีมากขนาดไหน เอ็นทรีเคดอทไอเอ็นดอททีเอช (N3K.IN.TH) ไม่ให้คุณสงสัยนานหรอกนะค่ะ ถ้าพร้อมแล้ววันนี้ไปทำความรู้จักกับ สรรพคุณของกระเจี๊ยบมอญ และ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ อีกหนึ่งสมุนไพรไทยพื้นบ้านอีกหนึ่งชนิดที่น่ารู้กันเลยดีกว่านะค่ะ รับรองว่ามีมากมายจนคุณนึกไม่ถึงแน่นอนค่ะ





สรรพคุณ / ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ


- นอกจากนี้หากนำฝักของกระเจี๊ยบมอญไปตากแห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดกินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ หลังอาหารแล้วดื่มน้ำตามก็จะช่วยลดอาการของแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลสมุนไพรไทยจาก womanplus ขอขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต
แหล่งที่มา http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/ประโยชน์ของกระเจี๊ยบมอญ

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะตูม

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของมะตูม
 เชื่อไหมค่ะว่าสรรพคุณของมะตูมและประโยชน์ของมะตูมนี้มีมากมายจนหลายๆ คนนึกไม่ถึงเลยทีเดียวค่ะ มะตูมเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรไทยที่หลายๆ คนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า สรรพคุณของมะตูม และ ประโยชน์ของมะตูม นั้นมีมากมายเพียงใด เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยกินน้ำมัตูมกันมาบ้างอย่างแน่นอน เพราะน้ำมะตูนนั้นจะมีกลิ่นหอม ดื่มแล้วจะทำให้ชุมคอแก้กระหายได้เป็นอย่างดี และนอกจากนั้นมะตูมยังเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรไทยที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านดั้งเดิมที่ไม่เคยจางหาย แต่ทว่า สรรพคุณของมะตูม และ ประโยชน์ของมะตูม ยังคงไม่หมดแต่เพียงเท่านั้นนะค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปดู สรรพคุณของมะตูม และ ประโยชน์ของมะตูม กันเลยดีกว่านะค่ะว่าจะมีมากมายสักแค่ไหน เพียงแค่คุณรู้วิธีและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์รับรองว่าคุณจะมองเห็นสรรพคุณต่างๆ มากมายของสมุนไพรไทยใกล้ตัวจนอาจจะไม่ต้องเสียค่ายารักษาที่แพงๆ เลยก็ได้และแถมไม่มีพิษภัยตกค้างกับร่างกายเราอีกด้วย ว่าาแล้วเราก็มาดู สรรพคุณของมะตูม และ ประโยชน์ของมะตูม กันเลยดีกว่าค่ะ





สรรพคุณ / ประโยชน์ของมะตูม
 ผลโตเต็มที่ - ฝานเป็นชิ้นบางๆ ตากแห้งคั่วให้เหลือง ชงรับประทาน แก้ท้องเดิน ท้องเสีย ท้องร่วง โรคลำไส้เรื้อรังในเด็ก

 ผลแก่จัดแต่ยังไม่สุก - น้ำมาเชื่อมรับประทานต่างขนมหวาน จะมีกลิ่นหอม และรสชวนรับประทาน บำรุงกำลัง รักษาธาตุ ขับลม

 ผลสุก - รับประทานต่างผลไม้ เป็นยาระบายท้อง และยาประจำธาตุของผู้สูงอายุ ที่ท้องผูกเป็นประจำ

 ใบ - ใส่แกงบวช เพื่อแต่งกลิ่น

 ราก - แก้หืด หอบ แก้ไอ แก้ไข้ ขับลม แก้มุตกิต



วิธีและปริมาณที่ใช้
 ใช้ผลโตเต็มที่ ฝานตากแห้ง คั่วให้เหลือง ชงน้ำดื่ม ใช้ 2-3 ชิ้น ชงน้ำเดือดความแรง 1 ใน 10 ดื่มแทนน้ำชา หรือชงด้วยน้ำเดือด 2 ถ้วยแก้ว ดื่มครั้งละครึ่งถ้วยแก้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก rspg.or.th ขอขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
แหล่งที่มา    http://www.n3k.in.th/สมุนไพร/ประโยชน์ของมะตูม

การบำบัดโรคด้วยสมุนไพรไทย

การบำบัดรักษาโรคด้วยสมุนไพรไทย



         ในประเทศไทย ผู้คนนิยมใช้สมุนไพรบำบัดรักษาโรคมายาวนาน เช่นเดียวกับวัฒนธรรมในแขนงอื่นๆ ของชาติ โดยได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียโบราณ การใช้สมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคของไทย มีพื้นฐานมาจากวิชาอายุรเวชของอินเดีย และถูกถ่ายทอดสู่สังคมไทยโดยพระภิกษุสงฆ์ผู้จาจิกแสวงบุญ และได้รับการฝึกฝนด้านการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากความรู้ในเรื่องนี้ถูกสืบทอดโดยพระภิกษุซึ่งทำหน้าที่สั่งสอนธรรมะแก่ฆราวาส ดังนั้น แหล่งรวบรวมภูมิปัญญาด้านนี้จึงมักจะอยู่วัด ซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้และการบำบัดรักษา มาตราบเท่าทุกวันนี้
          นอกเหนือจากอิทธิพลของอายุรเวชศาสตร์ ยังมีประเพณีการรักษาโรคของชาวบ้าน โดยอาศัยยาและสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่ง เกี่ยวข้องกับความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ และดาราศาสตร์ เนื่องจากพระภิกษุเองก็เป็นชาวบ้าน การบำบัดรักษาโรคบางอย่างจึงเข้าไปเกี่ยวเนื่องกับคำสอนในวัดด้วย นอกจากนี้ ประเพณีที่เกี่ยวกับหมอตำแยก็ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยสตรีจำนวนมากได้รับการฝึกฝนในด้านการดูแลสตรีหลังคลอดโดยใช้สมุนไพรและยาพื้นบ้าน เนื่องจากตามหลักพระพุทธศาสนา ห้ามพระภิกษุสงฆ์สัมผัสหรือแตะเนื้อต้องตัวสตรี แต่ละหมู่บ้าน มีหมอยาพื้นบ้านผู้ทำหน้าที่บำบัดรักษาโรคต่างๆ โดยผนวกพื้นฐานความรู้ด้านสมุนไพรเชื่อมโยงกับความรู้ทางศาสนา การรักษาโดยใช้สมุนไพรเป็นแนวทางที่ยึดถือปฏิบัติกันมา โดยผสมผสานกับความเชื่อด้านไสยศาสตร์ เช่น พิธีกรรมและการบวงสรวง ซึ่งต้องใช้พืชพันธุ์ไม้หรือดอกไม้บางชนิด ซึ่งผู้ทำพิธีเชื่อว่า การบำบัดรักษาด้วยสมุนไพรนั้น คนไข้จะต้องมีความศรัทธาเชื่อถือในเรื่องพลังอำนาจของธรรมชาติและจักรวาล รวมทั้งความสามารถในการนำพลังและประสิทธิภาพของสมุนไพรและธาตุแต่ละชนิดมาใช้เพื่อบำบัดรักษา การบำบัดรักษามักจะถูกเก็บเป็นความลับภายในครอบครัว และมีเพียงการบอกเล่าต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยไม่ได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ถึงกระนั้น บางครอบครัวที่อยู่ในแต่ละท้องถิ่น ก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้เชี่ยวชาญการบำบัดรักษาโรคบางอย่าง
          ในการรักษาโรคโดยใช้สมุนไพรนั้น ขึ้นอยู่กับหลากหลายความเชื่อและกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น มีกฎในการเก็บพืชผักสมุนไพร ว่าจะต้องเก็บในเวลาใด สถานที่ใด อาทิเช่น ดอกไม้ เช่น มะลิ ควรจะเก็บในเวลากลางคืน เนื่องจากเชื่อว่าจะมีพลังมากกว่าในเวลากลางวัน และเป็นที่รู้กันดีในหมู่หมอยาสมุนไพรว่า พืชพันธุ์ไม้เหล่านี้จะมีคุณภาพต่างกันตามถิ่นกำเนิดของมัน ซึ่งชนิดไหนจะมีฤทธิ์ทางยาสูงสุดนั้น เป็นผลจากลักษณะของดินด้วยเช่นกัน ดังนั้น ช่วงเวลาและวันที่ที่จะเก็บสมุนไพรจึงเป็นปัจจัยสำคัญยิ่ง วันเพ็ญ เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ถือว่าเป็นเวลาดีที่สุด เพราะพลังของโลก ดวงจันทร์ และพระอาทิตย์ ในช่วงเวลานี้จะมีมากสูงสุด
          ถึงแม้ยาสมุนไพรพื้นบ้าน จะกลายเป็นสิ่งล้าสมัยในช่วงศตวรรษที่ 20 เนื่องจากได้รับอิทธิพลของแพทย์ตะวันตกเข้ามา แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่มิได้สูญสลายไปเสียทั้งหมด เพราะในปัจจุบัน เมื่อธุรกิจด้านสปากำลังได้รับความนิยมอย่างสูง วิชาการด้านการใช้สมุนไพรพื้นบ้านของไทยก็กลับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และกลายเป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของประเทศไทย ในยามที่กระแสความนิยมเครื่องสำอางที่ผลิตด้วยสารเคมีกำลังอ่อนกำลังลงในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับการรักษาด้วยสมุนไพรและการแพทย์แผนไทยมากขึ้น อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลพระยาอภัยภูเบศรว์ ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านผลิตผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางที่ใช้สมุนไพรไทยหลายชนิด จนได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้าชาวไทยทุกระดับ
        ศาสตร์การนวดแผนไทยที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล กำลังกลายเป็นวิถีทางแห่งการบำบัดรักษาที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม ทั้งในสังคมไทยและแม้บรรดาชาวต่างชาติที่มีโอกาสได้ทดลองใช้บริการ การใช้ความร้อน ผสมผสานกับสรรพคุณของสมุนไพรหลายชนิด กลายเป็นกรรมวิธีการบำบัดรักษาที่มีประสิทธิภาพ และหนึ่งในกรรมวิธีดังกล่าว คือ การอบสมุนไพรแบบไทย ซึ่งความสำคัญหรือประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยวิธีนี้ คือ สูตรการใช้สมุนไพรหลายชนิด อาทิเช่น ขมิ้น ไพล ตะไคร้ การบูร และ มะกรูด นอกจากการบำรุงสุขภาพโดยทั่วไปและการรักษาผิวพรรณแล้ว การอบสมุนไพรแบบไทย ยังถือเป็นกรรมวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลชงัดอีกอย่างหนึ่ง หากมีการรักษาอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่งทฤษฎีการบำบัดรักษาแผนโบราณของไทยนั้น มีการใช้ลูกประคบ ซึ่งเป็นการนำสมุนไพรชนิดต่างๆ มารวมใส่ในห่อผ้าขาว แล้วมัดให้เป็นก้อนกลม จากนั้นนำไปนึ่งให้ร้อน แล้วกดทับไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณหลังที่แข็งเกร็ง หรือข้อต่อส่วนต่างๆ เพื่ออาศัยความร้อนของลูกประคบผนวกกับสรรพคุณของสมุนไพรที่อยู่ในลูกประคบนั้น ช่วยบำบัดอาการปวดเมื่อยหรือการเจ็บปวดเฉพาะที่
        นอกจากนี้ ยังมีการบำบัดรักษาสตรีหลังคลอด ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่หมอตำแยหรือแพทย์แผนไทยใช้รักษาคนไข้หลังการคลอดบุตร และปัจจุบันร้านสปาหลายแห่งก็ได้นำกรรมวิธีดังกล่าวมาใช้บริการลูกค้าเช่นกัน โดยเฉพาะสตรีหลังคลอดบุตร การบำบัดรักษาด้วยวิธีนี้ นับเป็นการขับพิษและเลือดลมเสียที่คั่งค้างอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ให้ออกไปให้หมด และสร้างสมดุลแก่สุขภาพร่างกายหลังการคลอดยังไม่มีทฤษฎีที่ตายตัวสำหรับการดูแลรักษาสตรีขณะตั้งครรภ์ นอกจากมีคำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคอาหาร เพื่อมิให้เป็นอันตรายแก่บุตรในครรภ์ ตัวอย่างเช่น เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่า สตรีที่กำลังมีครรภ์ ไม่ควรกินอาหารประเภทหน่อไม้ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และอาหารหมักดอง หลังอายุครรภ์เกินสามเดือน ส่วนน้ำแกงที่ปรุงด้วยสมุนไพร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบตำลึง เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณและคุณค่าทางโภชนาการในน้ำนมสำหรับว่าที่คุณแม่ทั้งหลาย ระหว่างตั้งครรภ์ มีเทคนิคการนวดหลัง ก้นกบ และขา เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และอาการปวดเมื่อย เนื่องจากแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้น
         ทฤษฎีการบำบัดรักษาหลังคลอด เรียกว่า “อยู่ไฟ” ซึ่งมีความหมายว่า “การนอนอยู่บนไฟ” เป็นที่รู้จักของสตรีไทยมาแต่โบราณกาล การใช้ไฟหรือความร้อนในการบำบัดดังกล่าว มีวิธีปฏิบัติ คือ การใช้อิฐเผาไฟให้ร้อนห่อด้วยผ้าและสมุนไพร แล้วอังหรือวางบนหน้าท้องของสตรีที่เพิ่งคลอดบุตร รวมทั้งใต้แคร่ที่นอน ก็มีเตาเผาอิฐตั้งอยู่ เพื่อให้ความร้อนทางด้านหลังของร่างกายคนไข้ด้วยเช่นกัน เชื่อกันว่า ความร้อนและสมุนไพรจะช่วยทำให้แผลบริเวณช่องคลอดที่ฉีกขาดจากการคลอด สามารถเชื่อมติดกันและแห้งหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการขับน้ำคาวปลาหรือเลือดเสียที่คั่งค้างให้ไหลออกจากร่างกาย ทำให้มดลูกแห้ง สะอาดและหดตัวสู่สภาวะปกติได้เร็วยิ่งขึ้น และเพื่อให้การบำบัดรักษาได้ผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สตรีหลังคลอดจะต้องถูกบำบัดรักษาให้ครบสูตร คือ การอยู่ไฟ การนวดประคบ และการเข้ากระโจมเพื่ออบรมด้วยสมุนไพร เป็นประจำทุกวัน ซึ่งรวมทั้งหมดใช้เวลานานราวหนึ่งสัปดาห์หลังคลอด หมอตำแยผู้เชี่ยวชาญการทำคลอดกล่าวว่า การบำบัดรักษาด้วยการเข้ากระโจมหรือประคบด้วยสมุนไพร ติดต่อกันนานหกเดือน หรือสองปีหลังคลอด จะช่วยให้ร่างกายเข้าสู่สมดุล รูปร่างกลับสู่สภาวะปกติ และช่วยลดน้ำหนักได้ดี
         การบำบัดรักษาด้วยการใช้ความร้อนอีกวิธีหนึ่ง คือ การนึ่งหม้อเกลือ ซึ่งเป็นวิธีเก่าแก่โบราณกาล การนึ่งหม้อเกลือในปัจจุบัน มีผู้ใช้น้อยมาก เนื่องจากหาคนมีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับการบำบัดด้วยวิธีนี้ได้ยากยิ่ง นับว่าโชคดีที่กระทรวงสาธารณสุข ได้พยายามที่จะรื้อฟื้นเทคนิคการรักษาวิธีดังกล่าว โดยการผนวกในหลักสูตรการแพทย์แผนไทย
         แม้จะเรียกว่า การนึ่งหม้อเกลือ แต่ในความเป็นจริง ไม่ได้ใช้หม้อ หากใช้สมุนไพรบางชนิดที่มีสรรพคุณสูงในการบำบัดรักษา สมุนไพรหลักที่ใช้ มีลักษณะเป็นหัว เรียกว่า “ว่านชักมดลูก” ซึ่งช่วยรักษามดลูก สมุนไพรอื่นๆ ที่ใช้ประกอบ ได้แก่ ไพล ขมิ้น และใบหนาด แต่หมอตำแยบางคนก็มีสูตรการใช้สมุนไพรอี่นๆ ควบคู่ไปด้วย ตามความรู้ที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ
         วิธีบำบัดรักษาด้วยการใช้สมุนไพร ยังคงใช้กันอยู่ในชนบท ตราบเท่าทุกวันนี้ โดยสถานที่ใช้รักษาพยาบาล คือ วัดและภายในหมู่บ้าน ซึ่งน่าขอบคุณผู้ที่มีส่วนช่วยจรรโลงรักษาคุณค่าของศาสตร์แผนไทยดังกล่าวไว้ให้ดำรงคงอยู่ตราบเท่าถึงปัจจุบัน เพื่อแสดงถึงความร่ำรวยทางวัฒนธรรมและจารีตประเพณีอันเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ และยิ่งเป็นที่น่ายินดี ที่ความรู้เหล่านี้ กำลังได้รับการรื้อฟื้นเพื่อกลับคืนมาให้รักษาสืบทอดต่อไปในอนาคต ดังเช่น ที่ร้านสปาไทยหลายแห่งได้มีการนำมาใช้ประโยชน์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สมุนไพรเพื่อการผลิตเวชสำอาง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมทั้งสำหรับชาวไทยและต่างชาติในปัจจุ


ที่มา : http://203.172.204.162/intranet/1026_royalfloraexpo/www.royalfloraexpo.com/thai/Thai_Flora_Thai_Ways/thai_herbal.html